รู้จักกับงานจดหมายเหตุและความเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่
เครดิตภาพ: Archive Shelfs at Sächsisches Staatsarchiv in Dresden, Saxony, Germany
รู้จักกับงานจดหมายเหตุและความเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่
เครดิตภาพ: Archive Shelfs at Sächsisches Staatsarchiv in Dresden, Saxony, Germany
สามารถคลิกไปที่ต้นฉบับได้ที่นี่
เรียบเรียงโดย กฤตพัฒน์ รัตนภูผา
ตรวจทานและปรับปรุงโดย นววิทย์ พงศ์อนันต์
เมื่อพูดถึงการวิเคราะห์หรือบรรยายเหตุการณ์ ตัวตน และสภาพการณ์ของสิ่ง ๆ หนึ่ง สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ข้อมูลในอดีตหรือข้อมูลทางประวัติศาสตร์ (Historical Data) โดยมีประโยชน์ที่เห็นได้ในเชิงประจักษ์ดังนี้
ทั้งสามตัวอย่างนี้ สิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งสำคัญมาก คือ ข้อมูลเหล่านั้นต้องสะท้อนถึงความเป็นจริง (Integrity) โดยสิ่งนี้ย่อมควรถูกจัดการตั้งแต่กระบวนการที่วางไว้ในการปฏิบัติงานในตอนต้น ซึ่งหนึ่งในโครงสร้างที่สามารถช่วยเรื่องได้ คือ ธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) โดยในภาพรวมนั้นเป็นไปตามภาพประกอบนี้
ภาพที่ 1 Data Governance Framework โดยกรอบสีส้ม คือ สิ่งที่จะกล่าวถึงในบทความนี้
โดยในบทความนี้เราจะกล่าวถึง Archive และ Destroy เป็นหลัก หากต้องการรายละเอียดเต็มที่เกี่ยวข้องกับ Data Governance สามารถรับชมได้ที่นี่
หนึ่งในกระบวนการที่จะขาดไม่ได้ หากต้องการทำให้ธรรมาภิบาลข้อมูลสามารถใช้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นหัวข้อที่จะอภิปรายในบทความนี้ คือ กระบวนการจัดเก็บข้อมูลถาวร และ กระบวนการทำลายข้อมูล
บทความนี้จะพาไปศึกษานิยามและลักษณะตัวตนของงานจดหมายเหตุ ก่อนที่จะเริ่มความท้าทายในงานจดหมายเหตุในปัจจุบัน
อ้างอิงจากภาษาอังกฤษ คำว่า “จดหมายเหตุ” จะสามารถเทียบเคียงได้กับคำว่า “Archives” โดยคำว่า Archives สามารถแปลได้ทั้งสิ้น 3 ความหมายดังนี้1
ภาพที่ 2 กระบวนการที่สำคัญกระบวนการหนึ่งในการทำจัดเก็บเอกสารถาวร คือ การประเมินคุณค่าของเอกสารที่จะถูกนำไปจัดเก็บถาวรเป็นเอกสารจดหมายเหตุ โดยหลักวิธีพิจารณาคุณค่าของเอกสารนั้นอาจอาศัยพันธกิจหรือวัตถุประสงค์ขององค์กรในการประเมินคุณค่าของเอกสารนั้น ๆ ได้
ภาพที่ 3 ตัวอย่าง Archival agencies — (บน) National Archives ของสหรัฐอเมริกา, The National Archives ของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
(ล่าง) สำนักงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติ, หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), และ Das Bundesarchiv (The National Archives) ของเยอรมนี
ภาพที่ 2 ตัวอย่าง Archival Repositories:
(บนซ้าย) ประเทศสหรัฐอเมริกา (บนขวา) ประเทศสหราชอาณาจักรฯ
(ล่างซ้าย) ประเทศไทย (ล่างขวา) ประเทศเยอรมนี
ตามนิยามของ “เอกสารจดหมายเหตุ” ของปัจเจกหนึ่ง ๆ เราสามารถพิจารณาได้โดยสององค์ประกอบหลัก คือ
ตัวอย่างการระบุว่าใช่หรือไม่ใช่เอกสารจดหมายเหตุเป็นไปตามภาพที่ 5
ภาพที่ 5 ตัวอย่างการจัดจำแนก “เอกสารจดหมายเหตุ”
- ซอฟต์แวร์กับไลบรารีไม่ใช่ “เอกสารจดหมายเหตุ” แต่หากว่าพูดถึง Working Repository ในระบบ Git ที่ถูกจัดเก็บถาวรเรียบร้อยแล้ว สามารถเป็น “เอกสารจดหมายเหตุ” ได้ เพราะ Repository นั้นสะท้อนการปฏิบัติงานของผู้จัดทำซอฟต์แวร์นั้น ๆ เช่น ประวัติการ Commit, Branch หรือ Change Log
- สมุดจดบันทึก ราชกิจจานุเบกษา แบบแสดงความคิดเห็นผลงาน, หรือ คำสั่งทางปกครองตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 สามารถเป็น “เอกสารจดหมายเหตุ” ได้ทั้งสิ้นเมื่อสิ้นกระแสการใช้งาน
- สิ่งที่ไม่ใช่จดหมายเหตุนั้นไม่จำเป็นจะต้องถูกทำลายทิ้งเสมอไป โดยสิ่งที่สามารถเทียบเคียงได้กับ “หอจดหมายเหตุ” (Archival Repository) คือ หอสมุด เช่น หนังสือเก่าจะถูกจัดเก็บอยู่ในหอสมุด โดยมีวิธีการจัดการอีกรูปแบบหนึ่งต่างจากวิธีจัดการจดหมายเหตุ ยกตัวอย่างเช่น การจัดแบ่งหนังสือตามระบบของหอสมุดคองเกรส (Library of Congress Classification), การจัดแบ่งหนังสือตามหลักของดิวอี้ (Dewey Decimal Classification), มาตรฐาน CoreTrustSeal สำหรับการจัดการสารสนเทศดิจิทัล, หรือ พิพิธภัณฑ์ของเก่าหายาก
เมื่อกล่าวถึงปัจจุบันกาลแล้ว เทคโนโลยีในการจัดเก็บข้อมูลหรือรูปแบบข้อมูลที่สามารถจัดเก็บได้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นนอกจากข้อมูลในอดีตที่อยู่ในรูปแบบหนังสือลายลักษณ์ (Manuscript) หรือเอกสารภาพ รวมทั้งเทคโนโลยีในการประมวลผลที่มีความสามารถในการวิเคราะห์มากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี Data Analytics ที่เป็นกระแสเรื่อยมาตลอด 10 ปี ทำให้การทำงานจดหมายเหตุให้มีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันจึงมีความท้าทายมากขึ้นอีกด้วย โดยความท้าทายในงานจดหมายเหตุนั้นจะกล่าวถึงต่อไปในตอนที่ 2
เชิงอรรถ